เอวัมเม สุตัง ฯ เอกัง สะมะยัง ภะคะวา สาวัตถิยัง วิหะระติ เชตะวะเน อะนาถะปิณฑิกัสสะ อาราเม ฯ อะถะโข อั
ะตะรา เทวะตา อะภิกกันตายะ รัตติยา อะภิกกันตะวัณณา เกวะละกัปปัง เชตะวะนัง โอภาเสตวา เยนะ ภะคะวา เตนุปะสังกะมิตวา ภะคะวันตัง อะภิวาเทตวา เอกะมันตัง อัฏ
าสิ ฯ เอกะมันตัง
ตา โข สา เทวะตา ภะคะวันตัง คาถายะ อัชฌะภาสิฯ




พะหู เทวา มะนุสสา จะ | มังคะลานิ อะจินตะยุง | |
อากังขะมานา โสตถานัง | พรูหิ มังคะละมุตตะมังฯ |
อะเสวะนา จะ พาลานัง | ปัณฑิตานั![]() | |
ปูชา จะ ปูชะนียานัง | เอตัมมังคะละมุตตะมัง | |
ปะฏิรูปะเทสะวาโส จะ | ปุพเพ จะ กะตะปุ![]() ![]() | |
อัตตะสัมมาปะณิธิ จะ | เอตัมมังคะละมุตตะมัง | |
พาหุสัจจั![]() ![]() | วินะโย จะ สุสิกขิโต | |
สุภาสิตา จะ ยา วาจา | เอตัมมังคะละมุตตะมัง | |
มาตาปิตุอุปัฏ![]() | ปุตตะ ทารัสสะ สังคะโห | |
อะนากุลา จะ กัมมันตา | เอตัมมังคะละมุตตะมัง | |
ทานั![]() | ![]() ![]() | |
อะนะวัชชานิ กัมมานิ | เอตัมมังคะละมุตตะมัง | |
อาระตี วิระติ ปาปา | มัชชะปานา จะ สังยะโม | |
อัปปะมาโท จะ ธัมเมสุ | เอตัมมังคะละมุตตะมัง | |
คาระโว จะ นิวาโต จะ | สันตุฏ![]() ![]() | |
กาเลนนะ ธัมมัสสะวะนัง | เอตัมมังคะละมุตตะมัง | |
ขันตี จะ โสวะจัสสะตา | สะมะณานั![]() | |
กาเลนนะ ธัมมะสากัจฉา | เอตัมมังคะละมุตตะมัง | |
ตะโป จะ พรัหมะจะริยั![]() | อะริยะสัจจานะ ทัสสะนัง | |
นิพานะสัจฉิกิริยา จะ | เอตัมมังคะละมุตตะมัง | |
ผุฏ![]() | จิตตัง ยัสสะ นะ กัมปะติ | |
อะโสกัง วิระชัง เขมัง | เอตัมมังคะละมุตตะมัง | |
เอตาทิสานิ กัตะวานะ | สัพพัตถะมะปะราชิตา | |
สัพพัตถะ โสตถิง คัจฉันติ | ตันเตสัง มังคะละมุตตะมันติ |
ความหมาย
[๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล ครั้นปฐมยามล่วงไปเทวดาตนหนึ่งมีรัศมีงามยิ่งนัก ยังพระวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่างไสว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
[๖] เทวดาและมนุษย์เป็นอันมาก ผู้หวังความสวัสดี ได้พากันคิดมงคลทั้งหลาย ขอพระองค์จงตรัสอุดมมงคล
พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถาตอบว่า
- การไม่คบคนพาล ๑ การคบบัณฑิต ๑ การบูชาบุคคลที่ควรบูชา ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
- การอยู่ในประเทศอันสมควร ๑ ความเป็นผู้มีบุญอันกระทำแล้วในกาลก่อน ๑ การตั้งตนไว้ชอบ ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
- พาหุสัจจะ ๑ ศิลป ๑ วินัยที่ศึกษาดีแล้ว ๑ วาจาสุภาสิต ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
- การบำรุงมารดาบิดา ๑ การสงเคราะห์บุตรภรรยา ๑ การงานอันไม่อากูล ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
- ทาน ๑ การประพฤติธรรม ๑ การสงเคราะห์ญาติ ๑ กรรมอันไม่มีโทษ ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
- การงดการเว้นจากบาป ๑ ความสำรวมจากการดื่มน้ำเมา ๑ ความไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
- ความเคารพ ๑ ความประพฤติถ่อมตน ๑ ความสันโดษ ๑ ความกตัญญู ๑ การฟังธรรมโดยกาล ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
- ความอดทน ๑ ความเป็นผู้ว่าง่าย ๑ การได้เห็นสมณะทั้งหลาย ๑ การสนทนาธรรมโดยกาล ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
- ความเพียร ๑ พรหมจรรย์ ๑ การเห็นอริยสัจ ๑ การกระทำนิพพานให้แจ้ง ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
- จิตของผู้ใดอันโลกธรรมทั้งหลายถูกต้องแล้ว ย่อมไม่หวั่นไหว ๑ ไม่เศร้าโศก ๑ ปราศจากธุลี ๑ เป็นจิตเกษม ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ทำมงคลเช่นนี้แล้ว เป็นผู้ไม่ปราชัยในข้าศึกทุกหมู่เหล่า ย่อมถึงความสวัสดีในที่ทุกสถาน นี้เป็นอุดมมงคลของเทวดาและมนุษย์เหล่านั้น ฯ
หมายเหตุ - คัดจากพระไตรปิฏก ฉบับมหาสังคายนาสากลนานาชาติ เล่มที่ ๑๘ ขุททกปาฐะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น