วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2561

มงคลสูตร


เอวัมเม สุตัง ฯ เอกัง สะมะยัง ภะคะวา สาวัตถิยัง วิหะระติ เชตะวะเน อะนาถะปิณฑิกัสสะ อาราเม ฯ อะถะโข อัญญะตะรา เทวะตา อะภิกกันตายะ รัตติยา อะภิกกันตะวัณณา เกวะละกัปปัง เชตะวะนัง โอภาเสตวา เยนะ ภะคะวา เตนุปะสังกะมิตวา ภะคะวันตัง อะภิวาเทตวา เอกะมันตัง อัฏฐาสิ ฯ เอกะมันตัง ฐิตา โข สา เทวะตา ภะคะวันตัง คาถายะ อัชฌะภาสิฯ
พะหู เทวา มะนุสสา จะมังคะลานิ อะจินตะยุง
อากังขะมานา โสตถานังพรูหิ มังคะละมุตตะมังฯ
อะเสวะนา จะ พาลานังปัณฑิตานัญจะ เสวะนา
ปูชา จะ ปูชะนียานังเอตัมมังคะละมุตตะมัง
ปะฏิรูปะเทสะวาโส จะปุพเพ จะ กะตะปุญญะตา
อัตตะสัมมาปะณิธิ จะเอตัมมังคะละมุตตะมัง
พาหุสัจจัญจะ สิปปัญจะวินะโย จะ สุสิกขิโต
สุภาสิตา จะ ยา วาจาเอตัมมังคะละมุตตะมัง
มาตาปิตุอุปัฏฐานังปุตตะ ทารัสสะ สังคะโห
อะนากุลา จะ กัมมันตาเอตัมมังคะละมุตตะมัง
ทานัญจะ ธัมมะจะริยา จะญาตะกานัญจะ สังคะโห
อะนะวัชชานิ กัมมานิเอตัมมังคะละมุตตะมัง
อาระตี วิระติ ปาปามัชชะปานา จะ สังยะโม
อัปปะมาโท จะ ธัมเมสุเอตัมมังคะละมุตตะมัง
คาระโว จะ นิวาโต จะสันตุฏฐิ จะ กะตัญญุตา
กาเลนนะ ธัมมัสสะวะนังเอตัมมังคะละมุตตะมัง
ขันตี จะ โสวะจัสสะตาสะมะณานัญจะ ทัสสะนัง
กาเลนนะ ธัมมะสากัจฉาเอตัมมังคะละมุตตะมัง
ตะโป จะ พรัหมะจะริยัญจะอะริยะสัจจานะ ทัสสะนัง
นิพานะสัจฉิกิริยา จะเอตัมมังคะละมุตตะมัง
ผุฏฐัสสะ โลกะธัมเมหิจิตตัง ยัสสะ นะ กัมปะติ
อะโสกัง วิระชัง เขมังเอตัมมังคะละมุตตะมัง
เอตาทิสานิ กัตะวานะสัพพัตถะมะปะราชิตา
สัพพัตถะ โสตถิง คัจฉันติตันเตสัง มังคะละมุตตะมันติ

ความหมาย


[๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล ครั้นปฐมยามล่วงไปเทวดาตนหนึ่งมีรัศมีงามยิ่งนัก ยังพระวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่างไสว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
[๖] เทวดาและมนุษย์เป็นอันมาก ผู้หวังความสวัสดี ได้พากันคิดมงคลทั้งหลาย ขอพระองค์จงตรัสอุดมมงคล
พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถาตอบว่า
  • การไม่คบคนพาล ๑ การคบบัณฑิต ๑ การบูชาบุคคลที่ควรบูชา ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
  • การอยู่ในประเทศอันสมควร ๑ ความเป็นผู้มีบุญอันกระทำแล้วในกาลก่อน ๑ การตั้งตนไว้ชอบ ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
  • พาหุสัจจะ ๑ ศิลป ๑ วินัยที่ศึกษาดีแล้ว ๑ วาจาสุภาสิต ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
  • การบำรุงมารดาบิดา ๑ การสงเคราะห์บุตรภรรยา ๑ การงานอันไม่อากูล ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
  • ทาน ๑ การประพฤติธรรม ๑ การสงเคราะห์ญาติ ๑ กรรมอันไม่มีโทษ ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
  • การงดการเว้นจากบาป ๑ ความสำรวมจากการดื่มน้ำเมา ๑ ความไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
  • ความเคารพ ๑ ความประพฤติถ่อมตน ๑ ความสันโดษ ๑ ความกตัญญู ๑ การฟังธรรมโดยกาล ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
  • ความอดทน ๑ ความเป็นผู้ว่าง่าย ๑ การได้เห็นสมณะทั้งหลาย ๑ การสนทนาธรรมโดยกาล ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
  • ความเพียร ๑ พรหมจรรย์ ๑ การเห็นอริยสัจ ๑ การกระทำนิพพานให้แจ้ง ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
  • จิตของผู้ใดอันโลกธรรมทั้งหลายถูกต้องแล้ว ย่อมไม่หวั่นไหว ๑ ไม่เศร้าโศก ๑ ปราศจากธุลี ๑ เป็นจิตเกษม ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ทำมงคลเช่นนี้แล้ว เป็นผู้ไม่ปราชัยในข้าศึกทุกหมู่เหล่า ย่อมถึงความสวัสดีในที่ทุกสถาน นี้เป็นอุดมมงคลของเทวดาและมนุษย์เหล่านั้น ฯ

หมายเหตุ - คัดจากพระไตรปิฏก ฉบับมหาสังคายนาสากลนานาชาติ เล่มที่ ๑๘ ขุททกปาฐะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น